สัญญาณอาการขาดวิตามิน: รู้ก่อนป้องกันได้

Last updated: 19 ส.ค. 2567  |  61 จำนวนผู้เข้าชม  | 

สัญญาณอาการขาดวิตามิน: รู้ก่อนป้องกันได้

สัญญาณอาการขาดวิตามิน: รู้ก่อนป้องกันได้

       วิตามินและแร่ธาตุเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย พวกมันทำงานหลายร้อยอย่าง แต่ก็ใช่ว่าการมีวิตามินและแร่ธาตุมาก ๆ ในร่างกายจะเป็นเรื่องดีเสมอไป เพราะหากได้รับในปริมาณที่น้อยเกินไปหรือมากเกินไป วิตามินและแร่ธาตุเหล่านี้ก็อาจส่งผลเสียต่อร่างกายของเราได้ทั้งสิ้น ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดเพื่อสุขภาพร่างกายของเรา คือการรับประทานอาหารเพื่อให้ได้รับวิตามินและแร่ธาตุในปริมาณที่เพียงพอ หรือเท่าที่ร่างกายต้องการ

ปัจจัยที่ทำให้ขาดวิตามิน
1.การรับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่: การขาดสารอาหารที่หลากหลายจากกลุ่มอาหารต่าง ๆ อาจทำให้ได้รับวิตามินไม่เพียงพอ
2.ปัญหาทางการดูดซึมสารอาหาร: โรคทางเดินอาหารเช่น โรคเซลิแอก หรือโรคลำไส้ใหญ่อักเสบสามารถทำให้การดูดซึมวิตามินไม่ดี
3.การใช้ยาบางชนิด: ยาบางชนิดอาจมีผลข้างเคียงที่ทำให้ร่างกายดูดซึมหรือใช้วิตามินไม่ได้
4.การตั้งครรภ์และให้นมบุตร: ในช่วงนี้ร่างกายของผู้หญิงต้องการวิตามินมากขึ้นเพื่อสนับสนุนการเจริญเติบโตของทารก
5.ภาวะสุขภาพเฉพาะทาง: โรคเรื้อรังบางชนิดเช่น โรคไตวาย หรือโรคตับ สามารถทำให้ร่างกายไม่สามารถใช้วิตามินได้ดี
6.การใช้ชีวิตไม่สมดุล: การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป และการออกกำลังกายอย่างหนักสามารถทำให้ร่างกายสูญเสียวิตามินได้เร็วขึ้น

                                         


คนที่ร่างกายต้องการวิตามินมาก
1.เด็กและวัยรุ่น: ช่วงวัยนี้เป็นช่วงที่ร่างกายเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว
2.หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร: จำเป็นต้องเสริมวิตามินเพื่อสนับสนุนการเจริญเติบโตของทารก
3.ผู้สูงอายุ: การดูดซึมและการใช้วิตามินลดลงเมื่ออายุมากขึ้น
4.นักกีฬาหรือคนที่ออกกำลังกายหนัก: การออกกำลังกายอย่างหนักทำให้ร่างกายต้องการวิตามินมากขึ้น
5.คนที่มีโรคเรื้อรัง: บางโรคต้องการวิตามินในการฟื้นฟูและรักษาร่างกาย

                                                     


รู้จักวิตามินทั้ง 13 ชนิดที่ทำหน้าที่ต่างกัน
วิตามินเอ (Vitamin A): ช่วยในเรื่องของการมองเห็นและสุขภาพผิวหนัง
วิตามินดี (Vitamin D): ส่งเสริมการดูดซึมแคลเซียมและส่งเสริมสุขภาพกระดูก
วิตามินอี (Vitamin E): เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันเซลล์จากการถูกทำลาย
วิตามินเค (Vitamin K): ช่วยในการแข็งตัวของเลือด
วิตามินซี (Vitamin C): ช่วยในการสร้างคอลลาเจนและเพิ่มภูมิคุ้มกัน
วิตามินบี1 (Thiamine): ช่วยในการเผาผลาญอาหารให้เป็นพลังงาน
วิตามินบี2 (Riboflavin): ช่วยในการผลิตพลังงานและรักษาสุขภาพผิว
วิตามินบี3 (Niacin): ช่วยในระบบประสาทและการย่อยอาหาร
วิตามินบี5 (Pantothenic Acid): ช่วยในการผลิตฮอร์โมนและการเผาผลาญอาหาร
วิตามินบี6 (Pyridoxine): ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงและระบบประสาท
วิตามินบี7 (Biotin): ช่วยในการเจริญเติบโตของเส้นผมและเล็บ
วิตามินบี9 (Folate/Folic Acid): ช่วยในการสร้างเซลล์ใหม่และป้องกันภาวะโลหิตจาง
วิตามินบี12 (Cobalamin): ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงและระบบประสาท

                               

ประเภทของวิตามิน
1.วิตามินที่ละลายในไขมัน: วิตามินเอ, ดี, อี, และเค

  • สะสมอยู่ในร่างกายได้นาน
  • มีความเสี่ยงต่อการสะสมในระดับที่เป็นพิษหากได้รับมากเกินไป

2.วิตามินที่ละลายในน้ำ: วิตามินบี (ทุกชนิด) และวิตามินซี

  • ไม่สะสมในร่างกายนาน ต้องรับประทานเป็นประจำ
  • การได้รับมากเกินไปมักจะถูกขับออกทางปัสสาวะ


สัญญาณอาการขาดวิตามิน
1.ผิวแห้งแตก: ขาดวิตามินเอ
2.เล็บและผมเปราะ: ขาดวิตามินบี7
3.ฟกช้ำง่าย: ขาดวิตามินซี
4.อ่อนเพลียและเหนื่อยง่าย: ขาดวิตามินบี1 และบี2
5.ปวดกล้ามเนื้อ: ขาดวิตามินดี
6.แผลหายช้า: ขาดวิตามินซี
7.มีปัญหาในการมองเห็นตอนกลางคืน: ขาดวิตามินเอ
8.เลือดออกตามไรฟัน: ขาดวิตามินซี
9.ภาวะโลหิตจาง: ขาดวิตามินบี12 หรือบี9


การรักษาระดับวิตามินที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อสุขภาพที่ดี การรับประทานอาหารที่หลากหลายและครบถ้วนเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการได้รับวิตามินที่เพียงพอในแต่ละวัน

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้